เช็คสิทธิลดหย่อนก่อนยื่นภาษี2563 ต้องรวบรวมเอกสารภาษีทั้งหมด
ตัวช่วยให้ประหยัดภาษี เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเรา
หลังจากรัฐบาล ให้ขยายเวลาการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด. 90/91 ทั้งการยื่นภาษีแบบออนไลน์ และการยื่นภาษีแบบกระดาษ ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา จากเดิมที่จะสิ้นสุดภายในเดือนมีนาคมนี้ ออกไปอีก 3 เดือน เป็นสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2563
หลายคนอาจยังสงสัยว่า “ลดหย่อนภาษี” จะมีสิทธิอะไรบ้าง ที่สามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็น ลดหย่อนภาษีส่วนตัว ลดหย่อนภาษีจากเงินประกันต่างๆ หรือ ลดหย่อนภาษีจากเงินบริจาค
ทีมข่าว SpringNews ได้รวบรวมรายการลดหย่อนภาษีปี 2562 ที่จะใช้ยื่นภาษีในปี 2563 มาให้ลองสำรวจก่อนที่จะยื่นภาษี ซึ่งสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่โดย สิทธิลดหย่อน เป็น 5 กลุ่ม คือ
ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท ทันทีที่ยื่นแบบแสดงรายได้
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส ลดหย่อนได้ 60,000 บาท แต่ต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรส และไม่มีรายได้ หรือมีรายได้แต่เลือกคำนวณภาษีพร้อมกัน โดยในส่วนนี้ควรเตรียมเอกสารทะเบียนสมรสไว้ด้วย
- ค่าลดหย่อนบุตร ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อลูก 1 คน
- ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 จะได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีก 60,000 บาท จากนโยบายการส่งเสริมคนไทยให้มีลูกเพิ่มขึ้น ส่วนนี้ควรเตรียมเอกสารสูจิบัตร หรือใบรับรองบุตรไว้ยืนพร้อมการยื่นภาษี
- ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร ลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 60,000 บาท (หากภรรยาไม่มีเงินได้ สามีสามารถนำค่าใช้จ่ายตรงนี้ที่เกิดขึ้นจริงไปลดหย่อนภาษีได้)
- ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ซึ่งต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้คนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 4 คน (รวมพ่อแม่ของคู่สมรส) แต่หากมีพี่น้องและพี่น้องของเราใช้สิทธิ์ไปแล้ว เราจะไม่สามารถใช้สิทธิตรงนี้ได้
- ค่าอุปการะคนพิการ หรือ คนทุพพลภาพ ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน หากเป็นผู้พิการต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ และระบุชื่อผู้มีเงินได้เป็นผู้ดูแลในบัตรประจำตัวคนพิการ ส่วนคนทุพพลภาพ จะต้องเป็นผู้ทุพลภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 วัน มีใบรับรองแพทย์ที่ออกในปีภาษีขอใช้สิทธิหักลดหย่อน และมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ
ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออมและการลงทุน
- ประกันสังคม ที่ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันชีวิต หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วจะต้องไม่เกิน100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ได้ไม่เกิน 15,000 บาท
- ประกันชีวิตคู่สมรส หากคู่สมรสไม่มีเงินได้ 10,000 บาท
- เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้และไม่เกิน 490,000 บาทจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเอาไปคำนวณภาษี
- เงินสะสมกองทุน กบข.และกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หรือ ไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินสะสม กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 13,200 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้และต้องไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และ RMF จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ต้องซื้อและถือครองเอาไว้อย่างน้อย 7 ปี ( ปีสุดท้ายสำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนในการ ยื่นภาษี)
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และต้องลงทุนต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี
ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์
- ดอกเบี้ยบ้าน สำหรับผู้ที่กู้เงินซื้อบ้านหรือคอนโด สามารถนำดอกเบี้ยที่จ่ายไปมาลดหย่อนได้ตามจริงได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท
- โครงการบ้านหลังแรก ปี พ.ศ. 2558 กรณีบ้านหรือคอนโดหลังแรกราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท คุณสามารถนำ 20% ของค่าบ้านมาลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี (ได้ปีละ 4%)
- ซื้อบ้านหลังแรกในปี พ.ศ. 2562 ลดหย่อนได้ไม่เกิน 200,000 บาท แต่บ้านที่ซื้อต้องราคาไม่เกิน 5,000,000 บาท
เงินบริจาค
- บริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา สถานพยาบาลของรัฐ สนับสนุนการกีฬา และเงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ สามารถหักได้ 2 เท่า ตามที่จ่ายจริงแต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้พึ่งประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆแล้ว
- เงินบริจาคช่วยเหลืออุทกภัยน้ำท่วมจากพายุปาบึก ลดหย่อนได้ตามบริจาคจริง
- เงินบริจาคทั่วไป ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
- เงินบริจาคให้พรรคการเมือง ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าลดหย่อนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
- ซื้อสินค้าการศึกษาและกีฬา ไม่เกิน 15,000 บาท
- ซื้อหนังสือ ไม่เกิน 15,000 บาท
- ซื้อสินค้าโอทอป ไม่เกิน 15,000 บาท
- ท่องเที่ยวไทยในเมืองหลัก 15,000 บาท เมืองรอง 20,000 บาท (2 อันรวมกันไม่เกิน 20,000 บาท)
- ค่าซ่อมบ้านหรือรถจากพายุปาบึก ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท และซ่อมรถตามจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าซ่อมบ้าน และรถที่ประสบภัยจากพายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตามจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับอสังหาริมทรัพย์ และรถไม่เกิน 30,000 บาท
รู้ค่าลดหย่อนกันสำหรับยื่นภาษีกันแล้ว ลองไปคำนวณในการคิดภาษีกันนะ บางทีอาจเป็นช่วยตัวสำคัญ
ที่ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี หรือได้รับเงินคืนอีกด้วย
ขอขอบคุณ https://www.springnews.co.th/thailand/612307