“ครูกัลยา” ปลื้มตั้งโต๊ะแถลงผลงาน 1 ปี

ครูกัลยา"ปลื้มตั้งโต๊ะแถลงผลงาน1ปี | เดลินิวส์

 

“คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” แถลงผลงานรอบ 1 ปี ในตำแหน่งเสมา 2 ลั่น 4 นโยบายทำให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ประกาศสโลแกน “ทันสมัย เท่าเทียม ยั่งยืน” เป็นสามกลไกหลักทำงานปีที่ 2 เดินหน้าสู่การปฏิรูปการศึกษาเน้นตัวผู้เรียน

 

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่กระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ แถลงข่าวผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ว่า ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ตนจะดำรงตำแหน่ง รมช.ศธ.ครบ 1 โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาได้วางนโยบายโดยเน้นการปฏิรูปไปที่ตัวผู้เรียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางรากฐานการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 ภายใต้นโยบายหลัก 4 เรื่องคือ โค้ดดิ้ง (Coding) การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอ่านเขียนเรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย และอาชีวะเกษตรที่ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ที่จะใช้กลไกของอาชีวะเกษตรในการขับเคลื่อนโครงการ โดยทั้ง 4 เรื่องได้มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการก้าวสู่ปีที่ 2 ตนยึดสโลแกน “ทันสมัย เท่าเทียม ยั่งยืน” เป็นสามกลไกหลัก เพื่อพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศต่อไป

 

รมช.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ความ “ทันสมัย” โดยเฉพาะนโยบายเรื่อง โค้ดดิ้ง ได้ออกแบบเนื้อหาหลักสูตรร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สนับสนุนเด็กไทยต้องได้เรียนโค้ดดิ้ง ซึ่งเป็นทักษะสำคัญจำเป็น และควรเน้นเป็นอย่างยิ่ง คือ การคิดวิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาเป็น การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างความเปลง ทั้งนี้ โค้ดดิ้ง เป็นทักษะการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยสร้างความมีตรรกะและแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษาที่ได้มีการขับเคลื่อนมาโดยตลอด โดยตนได้นิยามการเรียนการสอนโค้ดดิ้งว่า “ง่ายกว่าที่คิด พิชิตยุคดิจิทัล Coding for All… All for Coding”

 

คุณหญิงกัลยา กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทาง “เท่าเทียม” การศึกษาไทย จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เด็กพิการและเด็กด้อยโอกาสสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จะจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส ผ่านการให้บริการในรูปแบบที่หลากหลาย และมีคุณภาพ มีทักษะชีวิตที่ดี สามารถพึ่งตนเองได้ อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในด้านจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ มีโรงเรียนเฉพาะความพิการ 48 โรงเรียน นักเรียน 12,388 คน มีศูนย์การศึกษาพิเศษ 77 แห่ง นักเรียน 26,339 คน และสำหรับเด็กด้อยโอกาส มีโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ 51 โรงเรียน นักเรียน 33,528 คน ในด้านการส่งเสริม สนับสนุนนั้น มีการจัดการศึกษา แบบเรียนรวม 24,216 โรงเรียน นักเรียน 432,590 คนทั่วประเทศ และมีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ

 

ส่วนแนวทาง “ยั่งยืน” ยกระดับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.)ทั่วประเทศ เพื่อสร้างผู้ประกอบการภาคการเกษตรให้สอดคล้องกับสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 ด้วยการพัฒนาสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมงเป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอด ทางเทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตร (Digital Agri College) โดยนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการการเรียนการสอน : STI (Science /Technology/Innovation) เพื่อยกระดับสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมงเป็น Digital Agri College รวมไปถึงการเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ โดย วษท. จะเป็นแหล่งพัฒนาบุคลากรทางการเกษตร ที่พร้อมจะพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำในอนาคต ภายใต้หลักสูตร “ชลกร” เพื่อปั้นนักบริหารจัดการน้ำในชุมชน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือ การช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีน้ำกิน น้ำใช้ แก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยทั้งหมดนี้จะใช้กลไกของสภาการศึกษาเป็นฟันเฟือง เพื่อเชื่อมต่อกับทุกภาคส่วนในการผลักดันนโยบายต่างๆ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้

 

 

ขอขอบคุณ  https://www.dailynews.co.th/education/785211

และ  มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *