ศูนย์การศึกษาพิเศษศรีสะเกษ ทำงานเชิงรุกอบรมครูเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากร มุ่งคัดกรองผู้พิการทางการศึกษา

 

เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงเรียนพยุห์วิทยา อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ดร.เกตอรอินท์ พิทักษ์โคชญากุล ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับ นายลือชัย พิเลิศ ผอ.โรงเรียนพยุห์วิทยา ร่วมกันจัดทำโครงการอบรมปฏิบัติการ “ผู้ดำเนินการคัดกรองคนพิการทางการศึกษา” ให้กับคณะครู อาจารย์ และบุคคลากรทางการศึกษา ในโรงเรียนมัธยม เพื่อศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับผู้พิการทางการศึกษาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าใจและให้การช่วยเหลือและส่งเสริมผู้พิการทางการศึกษาได้รับการศึกษา อย่างมีประสิทธิภาพตรงจุด ทั้งในระดับชั้นประถมศึกษา และชั้นมัธยมศึกษา เพื่อที่จะช่วยเหลือ ดูแลบุคคลที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทางการศึกษาให้ได้รับสิทธิช่วยเหลือทางการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครอบคลุมและทั่วถึง

 

ดร.เกตอรอินท์ กล่าวว่า ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำ จ.ศรีสะเกษ ได้นำวิทยากร ของศูนย์ฯ มาบรรยายให้ความรู้เพื่อที่จะให้ครูที่สอนเด็กมัธยม ได้มีองค์ความรู้ในการที่จะต้องไปวิเคราะห์ผู้เรียน โดยเฉพาะบุคคล หรือ ที่เรียกว่าเป็นโครงการอบรมครู ในเรื่องของการคัดกรอง เด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษที่อยู่ในโรงเรียนรวม ซึ่งก่อนหน้านี้ครูในโรงเรียนทุกคน จะมองว่าในโรงเรียนมัธยมจะไม่มีเด็กพิเศษเรียนรวมห้อง เพราะมองว่าถ้าเป็นเด็กพิเศษจะไม่มาถึงโรงเรียนมัธยม แต่พอเข้าไปเรียนในโรงเรียนจริงๆแล้ว จะมีเด็กกลุ่มนี้คือ 1.จะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ มีความก้าวร้าว มีความไม่นิ่ง เรียกร้องความสนใจ เกิดปัญหามากมาย เช่นเรื่องของการตีกัน เรื่องของการถูกบลูลี่ รวมทั้งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีเด็กมัธยมเริ่มมีภาวะเรื่องซึมเศร้า แยกตัวจากกลุ่มเพื่อนค่อนข้างมาก 2.ในเรื่องของการอ่านไม่ค่อยออก เขียนไม่ค่อยได้ คิดคำนวณก็ไม่ได้ และยังไม่รู้ในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ในการแก้ปัญหา อีกส่วนหนึ่งคือการรับเด็กเข้ามาเรียนโรงเรียนมัธยม ถ้าเห็นว่าเป็นเด็กพิการก็จะมองว่ารับไม่ได้ เพราะครูไม่มีองค์ความรู้ ครูสอนไม่ได้ ครูไม่รู้จักเด็กแบบนี้ เป็นต้น เพราะฉะนั้น จุดนี้จึงเป็นจุดใหญ่ที่สำคัญ เนื่องจากเมื่อ ศูนย์การศึกษาพิเศษฯ มีการเตรียมความพร้อมเด็กก่อนเข้าเรียน พอเราเตรียมความพร้อมเด็กเสร็จแล้ว เราจะส่งเด็กเข้าเรียน ปรากฏว่าเด็กไม่สามารถเข้าเรียนได้ เพราะโรงเรียนไม่ยอมรับ ดังนั้นเราถึงจะต้องมีการจัดอบรมดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ครูในแต่ละโรงเรียนได้มีองค์ความรู้ช่วยเหลือ ดูแล และคัดกรองเด็กได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณ  https://เรื่องจริงผ่านเลนส์.com/archives/247141

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *