เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ไปยังการเคหะเอื้ออาทรนาจอมเทียน อาคาร 47 ห้องเลขที่ 116/3 ชั้น 1 หลังได้รับการประสานให้เข้าช่วยเหลือ ชายหนุ่มวัย 49 ปี ที่พิการขาขาด ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวแต่ประสบอุบัติเหตุจนขาอีกข้างนั้นหัก ไม่สามารถทำงานได้ ซ้ำต้องดูแลครอบครัวที่มีภรรยาป่วยเป็นโรคพุ่มพวง รวมทั้งมีลูกสาววัย 9 ปี ที่อยู่ในวัยเรียน
จากการลงพื้นที่ก็ได้พบกับ นายจิรวัฒน์ สกุลราษ อายุ 49 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ผู้ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่พิการขาซ้ายขาดตั้งแต่อายุ 19 ปี และดิ้นรนสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ จากการสอบถาม ทราบว่าได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี นานกว่าสิบปี ก่อนหน้านี้ตนได้ขับวินจยย.รับจ้างเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แต่ช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่มีรายได้ ตนจึงมาสมัครงานขับรถจยย.ส่งอาหาร แกร๊ปฟู้ด
แต่ทำงานได้เพียงสองเดือนก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุ จนทำให้ขาหักต้องพักรักษาตัวร่วมเดือนและต้องผ่าตัดใส่เหล็กขาข้างที่หัก จนในตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ทำให้ต้องขาดรายได้จุนเจือครอบครัว ทั้งข้าวสารอาหารแห้งที่มีก็เริ่มหมดลง
โดยพักอาศัยอยู่กับ น.ส.นัยนา สกุลราษ อายุ 32 ปี ภรรยาที่ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายมีความผิดปกติ โดยภูมิคุ้มกันจะต่อต้านและทำลายเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ บางครั้งมีอาการป่วยรู้สึกเหนื่อยล้า มีผื่นแดงตามใบหน้า ขาบวม บางครั้งปวดหัว ปวดบวมตามข้อต่อกระดูก และผมร่วง ก็ไม่สามารถออกไปทำงานได้ และยังมีลูกสาวอีก 1 คน ที่กำลังอยู่ในช่วงเล่าเรียนหนังสือ ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดนาจอมเทียน ซึ่งลูกสาวก็ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้
ล่าสุด นายพนธกร ใคร่ครวญ ประธานกลุ่มไปด้วยกันไปได้ไกล ศูนย์บรรเทาทุกข์คนจนคนยากไร้ สัตหีบ ได้ให้ทีมงานเข้าช่วยเหลือและพระครูเกษม กิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต (วัดบางเสร่นอก) ได้มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น หวังว่าจะมีผู้ใจบุญเข้าช่วยเหลือต่อไป
ขอขอบคุณ https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_4901470