“สู้เพื่อลูก”พ่อเลี้ยงเดี่ยวใจแกร่ง รับจ้างทุกงานเลี้ยงลูกสาวพิการตั้งแต่กำเนิด

สู้เพื่อลูก”พ่อเลี้ยงเดี่ยวใจแกร่ง รับจ้างทุกงานเลี้ยงลูกสาวพิการ ...

 

พ่อเลี้ยงเดี่ยวยิ้มสู้ทั้งน้ำตาไม่ขอยอมแพ้ กัดฟันเลี้ยงลูก 2 คนลำพัง คนโตพิการตั้งแต่กำเนิด หารับจ้างทุกงานที่ได้เงิน ผู้ใจบุญเมตตาแบ่งบ้านให้พักพิง ช่วยส่งลูกคนเล็กเรียนต่อให้มีอนาคตที่ดี

 

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 63 ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร มีพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องดูแลลูกสาวที่พิการทางสมองและด้านการเคลื่อนไหว พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เมื่อต้องออกไปทำงานรับจ้างต้องฝากลูกสาวพิการไว้กับเพื่อนบ้าน และบางครั้งก็ต้องนำลูกไปด้วย

 

นายสลิง พ่อสีดา อายุ 46 ปี เป็นชาว อ.นาแก จ.นครพนม ดูแล น.ส.จินดาภา อายุ 18 ปี ลูกสาวซึ่งพิการทางสมองและการเคลื่อนไหว อาศัยอยู่ในห้องเล็กๆที่ได้แบ่งมาจากผู้ใจบุญ ตำบลบางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพรนายสลิง กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาอยู่ที่ จ.ชุมพรนั้น เคยทำงานที่ จ.สมุทรปราการ และมีภรรยา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานอยู่กินจนมี ลูกด้วยกัน 2 คน มีน.ส.จินดาภา เป็นลูกสาวคนโต ซึ่งพิการมาตั้งแต่แรกเกิด ส่วนคนที่สอง เป็นลูกชาย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ ตอนนี้อายุ 15 ปี

 

ด้วยความที่ต้องดูแลลูกสาวที่พิการ ภรรยา จึงต้องลาออกจากงาน ทำให้ตัวเองต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว แต่รายได้ไม่เพียงพอที่จะใช้จ่ายในครัวเรือน จึงหันไปพึ่งเงินนอกระบบเพื่อจะนำเงินมาซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับคนพิการ

 

นายสลิง กล่าวต่อว่า เมื่อภาระหนี้เพิ่มมากจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ที่ จ.สมุทรปราการ มาอยู่ที่ จ.ชุมพร ตามคำชักชวนของคนรู้จักคนหนึ่ง ที่ให้มาทำสวนปาล์ม ซึ่งตอนนั้นคิดว่าน่าจะหาเงินได้มากกว่าส่วนภรรยาไม่ยอมมาอยู่ด้วย ทำให้ต้องดูแลลูกทั้งสองเพียงลำพัง มากว่า 8 ปีแล้ว โดยที่ภรรยา ไม่เคยมาหาหรือส่งเงินมาช่วยเหลือแต่อย่างใด

 

ซึ่งในความโชคร้าย ก็มีความโชคดีเข้ามาเพราะลูกชาย ขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือจาก นางศรีนวล อ่วมอ่อน คอยดูแลเรื่องการเงิน ความเป็นอยู่และส่งให้เล่าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งหนึ่งใน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

 

ด้านนางศรีนวล อ่วมอ่อน เล่าว่า ตั้งแต่รู้จักและรู้เรื่องราวชะตาชีวิตของนายสลิง รู้สึกสงสารมาก และนับถือในความเป็นพ่อ ที่มีต่อลูก จึงพยายามหางานให้ทำ และ ดำเนินการช่วยเหลือทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินมาให้กับครอบครัวนี้ ส่วนลูกชายชาย ของนายสลิง ที่ครั้งแรกจะไม่ให้เรียนต่อ ซึ่งได้พูดคุยและยื่นมือช่วยรับเป็นผู้ปกครองแทน เพื่อให้เรียนต่อ จนตอนนี้สามารถเข้าไปเรียนต่อได้เรียบร้อยแล้ว

 

นางศรีนวล อ่วมอ่อน กล่าวต่อว่า ในสังคมอาจมีคนอื่นที่อาจจะลำบากกว่าครอบครัวนายสลิง แต่นายสลิง ก็ถือว่าลำบากไม่น้อย ก็ยังสู้ชีวิตและเจ้าตัวก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรใดๆทั้งสิ้น ขอแค่มีที่อยู่ที่กินมีงานให้ทำก็เพียงพอแล้ว ซึ่งตนเองเห็นว่า สิ่งไหนที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกันไป

 

หากใครที่มีความเมตตา และอยากจะช่วยเหลือครอบครัวของนายสลิง โดยเฉพาะ แพมเพิส ในแต่ละเดือนซึ่งจำเป็นต้องใช้อย่างมาก ก็สามารถมาได้ที่บ้านดอนไทรงาม ที่ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่สมาชิกสภาเทศบาล หรือหากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาที่เบอร์ 080-7186021

 

 

ขอขอบคุณ  https://www.springnews.co.th/crime/684244

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *