คนท้องระวังห้ามเก็บขี้แมว ‘ปรสิตก่อโรค’เสี่ยงเด็กตาย/พิการ

แพทย์เผย “10 ข้อห้าม” คนท้องต้องรู้ เตือนคุณแม่ตั้งครรภ์เลี้ยงแมวงดเก็บมูล เสี่ยงรับเชื้อปรสิตพาหะนำโรค กระทบทารกถึงขั้นเสียชีวิต

ในช่วงระยะเวลา “การตั้งครรภ์” ถือเป็นระยะของการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญของทารกในครรภ์ คุณแม่มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ จึงควรระมัดระวังการดำเนินชีวิตให้มากขึ้น เพราะอาจยังไม่รู้ข้อห้ามหรือพฤติกรรมที่ไม่ควรทำขณะตั้งครรภ์ แน่นอนว่าอาจจะมีผลร้ายต่อการเติบโตของเด็กโดยที่คุณแม่ไม่รู้ตัว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 25 เม.ย. เรืออากาศเอกหญิง พญ.ภัทรพร ภู่ทอง สูตินรีแพทย์ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ให้ข้อมูลว่า สำหรับคนท้อง

1.สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไปจนถึงสูบบุหรี่และสารเสพติดต่างๆ เนื่องจากกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของทารกในครรภ์ ทำให้พัฒนาการช้า คลอดก่อนกำหนดสูง และเสี่ยงแท้งได้ อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดความผิดปกติและร่างกายพิการโดยกำเนิด ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกด้วย

2.ห้ามเครียด รู้หรือไม่ว่าความเครียดขณะตั้งครรภ์ ส่งผลให้เด็กเติบโตช้าและอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้ เพราะร่างกายของคุณแม่จะหลั่งสารเคมีและ “ฮอร์โมนคอร์ติซอล” (ฮอร์โมนความเครียด) ออกมามากขึ้น หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกจึงหดตัว ปริมาณออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกลดน้อยลง และอาจไม่เพียงพอได้ โดยเด็กที่คลอดจากคุณแม่ที่มีความเครียดสูง มักคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ ทั้งยังมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน อาจมีผลต่อการเรียนรู้ โรคสมาธิสั้น หรือกลุ่มออทิสติก

3.ห้ามรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ในช่วงตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ควรได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งหากรับประทานอาหารที่คนท้องไม่ควรทาน เช่น รสเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด มันจัด อาหารสุกๆ ดิบๆ จะปวดท้องไม่สบายตัวได้ นอกจากนี้ก็ควรงดของหมักดอง อาหารกระป๋อง ผงชูรส รวมถึงเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน ชา กาแฟ และน้ำอัดลม ที่อาจมีสารเคมีบางอย่าง

4.ห้ามดื่มนมมากกว่าวันละ 1 แก้ว คุณแม่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ดื่มนมเยอะๆ ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมให้ลูก ซึ่งความจริงดื่มนมวัววันละ 1 แก้ว หรือนมถั่วเหลืองวันละ 1 แก้วก็เพียงพอแล้ว เพราะถ้ามากเกินความจำเป็น จะทำให้ทารกเสี่ยงต่อการแพ้ เช่น แพ้โปรตีนในนมวัว เป็นต้น แต่หากคุณแม่อยากทานแคลเซียมเพิ่ม แนะให้ทานอาหารเสริมแคลเซียมชนิดอื่นแทน เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว งาดำ อัลมอนด์ เป็นต้น

5.ห้ามทานยาพร่ำเพรื่อ ช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ควรระมัดระวังให้มาก เพราะเด็กกำลังพัฒนาอวัยวะและระบบประสาทต่างๆ หากทานยาที่มีอันตรายเข้าไป อาจส่งผลให้เด็กเติบโตช้าและอาจพิการได้ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ แขนขาพิการ โดยเฉพาะการทานยาลดสิว หรือแม้แต่ยาสามัญประจำบ้านหลายชนิด ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้ ซึ่งยาที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย มีเพียงไม่กี่ชนิด คือ ยาพาราเซตามอล ใช้แก้ปวด ลดไข้ ยาคลอเฟนิรามีน ใช้ลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้คัน และผงเกลือแร่ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง

6.ห้ามออกกำลังกายรุนแรง จริงๆ แล้ว ตั้งครรภ์ออกกำลังกายได้ แต่ไม่ควรหักโหมเกินไป และไม่ควรต่อเนื่องนานเกิน 30 นาที โดยควรเลือกเล่น เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดินเหยาะๆ เป็นต้น และในขณะออกกำลังกาย ควรพักดื่มน้ำทุกๆ 10-15 นาที ร่างกายจะได้ระบายความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ที่สำคัญอย่าออกกำลังจนเหนื่อยหอบมากนัก เพราะลูกในครรภ์จะขาดออกซิเจน จนส่งผลร้ายต่อการเติบโต

7.ห้ามยืนและนอนเป็นเวลานาน อายุครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป (5 เดือน) ไม่ควรเดินหรือยืนเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ขาและเท้าบวมมากขึ้น อาจเกิดเส้นเลือดขอดที่ขา ทำให้ปวดหลังง่าย แถมเสี่ยงต่อโรคข้อเข่าเสื่อม นอกจากนี้ไม่ควรนอนนานด้วยเช่นกัน เพราะน้ำหนักครรภ์จะกดทับกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้จุกเสียดแน่นท้อง อีกทั้งน้ำหนักครรภ์อาจกดทับเส้นเลือดดำไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายเกิดอาการบวม รู้สึกปวดเมื่อยและอาจหน้ามืดได้ จึงควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชม. พยายามเปลี่ยนท่านั่งหรือยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ

8.ห้ามลดน้ำหนัก แม้ว่าในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก จนทำให้รู้สึกว่าอ้วนและไม่ค่อยมั่นใจกับรูปร่าง อย่าเพิ่งนอยด์จนถึงขั้นลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้เด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายพัฒนาไม่สมบูรณ์เต็มที่ แถมเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย ทางที่ดีควรบำรุงตัวเองให้มากๆ และครบ 5 หมู่ รวมถึงบำรุงด้วยวิตามินต่างๆ ที่มีส่วนช่วยสร้างอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย และถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาหลายกิโลกรัม แต่ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ก็ถือเป็นวิธีลดน้ำหนักหลังคลอดได้ดีเลยทีเดียว

9.ห้ามอบไอน้ำ/อบซาวน่า แม้ว่าการอบไอน้ำ หรือการอบซาวน่าจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่ก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้แท้งลูกได้ เนื่องจากความร้อนจากไอน้ำ ทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็น เลือดข้นจนทำให้เส้นเลือดอุดตัน เลือดจึงไปเลี้ยงทารกน้อยลง ทำให้ทารกเติบโตไม่เต็มที่และอาจถึงขึ้นแท้งได้

10.ห้ามทำความสะอาดมูลแมว คุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่เลี้ยงแมวอยู่ ขอให้งดการเก็บมูลแมวไปก่อน เพราะในมูลแมวมีส่วนประกอบของ “ท็อกโซพลาสโมซิส” (Toxoplasmosis) เชื้อปรสิตที่มีแมวเป็นพาหะนำโรค ซึ่งมีส่วนทำให้ติดเชื้อและส่งผลให้เด็กเกิดความผิดปกติ โดยอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งถ้าบ้านไหนเลี้ยง คุณแม่ควรอยู่ให้ห่างจากมูลแมว และมอบหน้าที่การทำความสะอาดมูลแมวให้คนอื่นแทน

เมื่อได้ทราบถึงข้อห้ามต่างๆ ที่ไม่ควรทำขณะตั้งครรภ์แล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณแม่เอง และเพื่อให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดี และเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่

 

ขอบคุณ… https://www.dailynews.co.th/regional/639942

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *