สัปดาห์นมแม่โลก “คุณค่าน้ำนมแม่” ดีที่หนึ่ง

/data/content/2014/08/25272/cms/e_klnquwy34578.jpg

 

กว่าทศวรรษแล้วที่ “องค์กรพันธมิตรนมแม่โลก” (World Alliance for Breastfeeding Action หรือ WABA) กำหนดให้ทุกวันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปี เป็น “สัปดาห์นมแม่โลก” เพื่อให้นานาประเทศเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวสัปดาห์นมแม่ขึ้น ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. พร้อมชูคำขวัญ “นมแม่ คือ หลักชัย ปกป้องโรคภัย ตลอดชีวิต” (BREASTFEEDING: A Winning Goal – For Life!) อันจะเป็นประเด็นในการทำงานรณรงค์ให้ “ผู้เป็นแม่” และทุกภาคส่วนในสังคมไทย พึงตระหนักและให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน

 

ทำไม “นมแม่” จึงเป็นหลักชัย

 

ข้อมูลจากศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ระบุไว้ว่า การเริ่มให้นมแม่เร็ว และให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวล้วนๆ ใน 6 เดือนแรก ช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้ทารกแรกเกิด ลดการตายของทารกแรกเกิด ซึ่งเป็นอัตราส่วนใหญ่ของการตายของทารกในขวบปีแรกทั้งหมด

 

โดยร้อยละ 11-13 ของการเสียชีวิตทั้งหมดในเด็กต่ำกว่า 5 ปี สามารถป้องกันได้โดยการให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวใน 6 เดือนแรก และอีกร้อยละ 6 ของการเสียชีวิตทั้งหมดในเด็กต่ำกว่า 5 ปี สามารถป้องกันได้จากการให้อาหารทารกตามวัยร่วมกับนมแม่ ขณะที่ทารกที่ไม่ได้กินนมแม่จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากท้องเสีย 7 เท่า และปอดบวม 5 เท่าเมื่อเทียบกับทารกที่ได้กินนมแม่ล้วนๆ ใน 6 เดือนแรก ดังนั้นการเลี้ยงลูกด้วย “นมแม่” จึงเป็นวิธีการเดียวที่มีประสิทธิผลที่สุดในการป้องกันการเสียชีวิตของทารก

 

คุณค่าของน้ำนมแม่

 

พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า นมแม่เป็นอาหารสำหรับลูกโดยเฉพาะ มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วนให้กับเด็ก โดยสารแต่ละชนิดที่มีอยู่ในน้ำนมเปรียบได้กับวงดนตรีที่ผสมผสานการทำงานกันอย่างเกื้อกูล

 

“นมแม่เป็นเสมือนสารที่มีชีวิต แม้หลังคลอดลูกจะยังมีปริมาณไม่มาก แต่ก็ให้พลังงานเด็กได้ดี มีภูมิคุ้มกันสูง แม่จึงไม่ควรพลาดที่จะให้หัวน้ำนมแก่ลูก หลังจากนั้น น้ำนมจะเปลี่ยนไป สารอาหารและรสชาติจะไม่เหมือนกับในวันแรก และเปลี่ยนไปตามอาหารที่แม่รับประทาน ซึ่งรสชาติน้ำนมที่ไม่เหมือนเดิมนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มเติมพัฒนาการให้กับลูกในการรับรสอาหาร พอหลัง 6 เดือนไปแล้ว นมแม่ก็ยังมีคุณค่าเหมือนเดิม แต่เพราะไม่พอกับเด็กที่โตเร็วมากขึ้น หลัง 6 เดือนไปแล้วจึงควรเสริมอาหารอื่นร่วมด้วย”

 

ไม่เพียงแต่การเลี้ยงลูกด้วย “นมแม่” เท่านั้นที่มีประโยชน์ แต่การโอบกอดลูกเข้ากับอก ก็มีคุณค่าทางจิตใจของพวกเขาไม่น้อย คุณหมอ อธิบายเพิ่มเติมว่า การที่แม่คนหนึ่งกอดลูกเข้ากับอกแล้วให้ดื่มนม ถือเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ให้กับเด็ก

 

“ในอ้อมกอดของแม่แต่ละครั้งที่ให้ลูกดื่มนม ยังช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็กด้วย เนื่องจากสมองเด็กในระยะแรกเกิดมีเป็นล้านๆ เซลล์ ที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยเส้นประสาท ซึ่งการที่เซลล์เส้นประสาทจะเชื่อมกันจนเกิดวงจรของการเรียนรู้ได้ จะต้องได้รับการกระตุ้นบ่อยๆ โดยนมแม่ ไขมันในนมแม่ และสารอื่นๆ ในนมแม่อีกมากมาย จะเป็นตัวหล่อหลอมให้เส้นใยประสาทแข็งแรง นอกจากนี้สัมผัสจากอ้อมกอดของแม่ก็ยังกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมต่อของเส้นประสาทเร็วขึ้น” พญ.ยุพยง กล่าว

 

“นมแม่” อย่างเดียว 6 เดือน

 

เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมถึงการรณรงค์ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ว่า ปัจจุบัน คำพูดที่ว่าควรให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เป็นเรื่องที่คนเป็นแม่เริ่มเข้าถึงและตอบได้

 

“ปีนี้ที่ตั้งใจมากก็คือ ต้องการจะสร้าง “ชุมชนนมแม่ออนไลน์” ให้เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อร่วมสร้างแกนนำแม่อาสาเข้ามาร่วมพูดคุยไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการให้นมลูก ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นพลังถ่ายทอดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง และกระจายออกไปในสังคมกว้างได้มากขึ้น ประเด็นที่สอง คือการจัดตั้งศูนย์สร้างเสริมคุณภาพชีวิตสตรีวัยทำงานและครอบครัว เพื่อให้ผู้หญิงมีพื้นที่การทำงานควบคู่ไปกับการให้นมแม่ได้อย่างมีความสุข จากนั้นร่วมผลักดันหลักสูตรในโรงเรียนแพทย์ เพื่อให้แพทย์เล็งเห็นความสำคัญทางโภชนาการของนมแม่ที่มีต่อเด็กมากยิ่งขึ้น” พญ.ยุพยง ให้ข้อมูล

 

แม้ว่าน้ำนมของแม่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ช่วยสร้างชีวิตให้ลูก แต่ทั้งพ่อและแม่ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม รู้วิธีเลี้ยงดูลูกอย่างถูกต้องเหมาะสมด้วยเช่นกัน ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อร่วมสร้างรากฐานและสุขภาพที่ดีให้ชีวิตของลูกเติบโตขึ้นแข็งแรงทั้งกายใจ

 

 

ขอขอบคุณ  https://www.thaihealth.or.th/Content/25272-สัปดาห์นมแม่โลก%20“คุณค่าน้ำนมแม่”%20ดีที่หนึ่ง.html

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *