นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษก สธ.กังวลเชื้อโควิด-19 ระบาดระลอก 2-3 แน่ หลังพบว่าคนไทยเริ่มประมาท ออกจากบ้านจนรถติดใกล้เคียงภาวะปกติ ไม่สวมหน้ากากอนามัย ชี้แม้อัตราเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยลดลงเป็นหลักหน่วย เป็นการแพร่ระบาดในวงจำกัด แต่ไม่ใช่โรคสงบ และปัจจัยการระบาดยังมีอยู่
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ประธานมูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเพจ สุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีรายละเอียดว่า “ระลอก 2 ระลอก 3 มาแน่ๆ” ด้วยความห่วงใย ผมเห็นประชาชนเริ่มประมาทในการป้องกัน โควิด 19 “ถ้าเราหยุดวิ่งทันทีตอนวิ่งมาเร็ว มันจะล้มหัวคะมำ” ไม่อยากเห็นการสูญเสียของประเทศชาติและประชาชนครับ
1) พบพี่น้องประชาชนผ่อนคลายมากๆ เริ่มออกจากบ้าน จนรถติดใกล้เคียงปกติ ออกจากบ้านโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย
2) อย่าประมาทเด็ดขาด แม้อัตราผู้ป่วยรายใหม่จะเพิ่มขึ้นแค่หลักหน่วย ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นการแพร่ระบาดในวงจำกัด ไม่ใช่โรคสงบนะครับ
3) ชัยชนะ คือ ลดการแพร่เชื้อ วิ่งเข้าเส้นชัย แบบสูญเสียน้อยที่สุด
4) หมอขอยืนยันว่า เมื่อไหร่ที่เราประมาทไม่ระมัดระวังตัวมีโอกาสที่โรคจะกลับมาระบาดในระดับวิกฤตได้ เช่น คนไทยประมาท มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ~ 70 ศพต่อวัน คนพิการอีกหลายร้อยชีวิตต่อวัน แต่พวกเรากับชินชา…..เช่น ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วมาก ไม่สวมหมวกกันน็อก
5) ต้องมีการค้นหาผู้ป่วยเชิงบุก อย่างต่อเนื่อง ตัวเลขผู้ป่วยจะใกล้ความจริงเมื่อเราบุกค้นหา และเข้าควบคุมโรค นอกจากนี้ ต้องบุกทุกๆ เรื่อง “ให้ความรู้ ปรับทัศนคติ และพฤติกรรรม” ต้องให้ประชาชน ทำตามมาตรการ > 90% จึงค่อนข้างมั่นใจว่า เราปลอดภัย ครับ
6) แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงาน จะวางแผนรองรับอย่างดี แต่โอกาสระบาดใหญ่ อีกหลายระลอกเกิดได้เสมอ ถ้าขาดพลังความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน (ดูตัวอย่างในประเทศที่ไม่มีแม้ที่ฝังศพ ครับ)
7) ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดมี 2 ปัจจัย คือ
7.1) การติดเชื้อในชุมชน และแพร่เชื้อ
7.2) การรวมตัวของคน คนอยฝู่แน่นมากก็เสี่ยงมาก การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ~ 1-2 เมตร สำคัญมาก การสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือ ต้องทำจนเป็น New normal
7.3) ตัวอย่าง เราต้องพึ่งตนเอง ดูแลตนเอง ไปเดินห้างสรรพสินค้า ควรไปซื้อเฉพาะของที่ต้องการแล้วกลับ ไม่ควรอยู่นาน ไม่ใช่การไปการพักผ่อน แต่เป็นการเพิ่มความเสี่ยง และคนบางกลุ่มไม่ควรไป เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง เพราะเท่ากับเดินไปในเส้นทางความตาย ครับ
8. การระบาดระลอก 2 และ 3 มาแน่ๆ สถานการณ์ตอนนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ควรคุมให้ได้ในระดับสิบ เป็นสภานการณ์ ที่สมดุล เหมาะสม
(มิใช่ระดับร้อย พัน หรือหมื่น) รับรองหมอก็ตายครับ
9) หมอถูกพี่น้องประชาชนถามเสมอว่า โรคโควิด-19 อยู่กับเรานานแค่ไหน กี่เดือน กี่ปีครับคุณหมอ อยากให้สงบซะที
– ผมตอบว่า ขึ้นกับเรารักในหลวง พ่อของเราแค่ไหน เราปฏิบัติตามพอสอนเรื่อง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แค่ไหน การที่เราช่วยกันป้องกัน ดูแลตัวเอง จะเป็น “ภูมิคุ้มกันที่ดี” และดีกว่า วัคซีนโควิด 19
เราต้องเข้าใจ มีความรู้การแพร่เชื้อ การป้องกัน และช่วยเป็นแบบอย่างเชิญชวนคนอื่นๆ ให้ทำตาม
วัคซีนของพ่อ ….สังคมไทยจะค่อยๆ ปรับตัว เราจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ แม้ช้า แต่เกิดความมั่งคง ยั้งยืน และพึ่งตนเองครับ
10) สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ งานที่สามารถทำที่บ้านได้อยากให้ทำกันที่บ้าน การเหลื่อมเวลาทำงานเพื่อลดความแออัดของที่ทำงาน และการเดินทาง ที่ทำงานควรจัดเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ถ้าเว้นไม่ได้ควรมีฉากกั้นที่สูงมาก ปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง หรือติดตั้งระบบระบายอากาศ
หมอเป็นห่วงทุกมิติของสังคม โดยเฉพาะความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน คนไข้พูดกับผมว่า “คุณหมอครับผมไม่มีเงินจ่ายค่ายาครับ ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ได้เงินเลย” ช่วยลูกสาวผมด้วย หมอบอกว่าไม่เป็นไร “คนไข้มาก่อนเสมอ” มีเงินมาช่วยทำบุญเข้ามูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อช่วยคนอื่นต่อไปนะครับ
มาตรการดีๆ ต้องธำรงรักษาและทำต่อเนื่อง ให้เป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ดี ครับ (New Normal)
– เมื่อสิ้นสุด โควิด-19 ขอให้ประเทศไทยและพี่น้องประชาชน เรียนรู้ พัฒนา ด้วยความรอบคอบ พัฒนา New Normal ให้เหมาะบริบทสังคมไทย
– สิ่งสำคัญ ประเทศไทยและประชาชน ต้องมั่นคง ไม่ต้องรวยก็ได้ แต่มีความสุข ประชาชนสุขภาพดี ปลอดภัย และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน มั่นคง คนไทยมีคุณธรรม มีวินัย มีปัญญา และก้าวสู่สังคมแห่งความสุข มีพลังจิตอาสา ช่วยเหลือกัน เราทำความดีด้วยหัวใจครับ