ครอบครัว 7 ชีวิตชาวตรังขอบคุณคนไทยให้การช่วยเหลือ พร้อมขอยุติรับบริจาคแล้ว

 

ตรัง – ครอบครัว 7 ชีวิตชาว อ.กันตัง จ.ตรัง ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ประกาศขอยุติการช่วยเหลือ หลังมีผู้บริจาคแล้วกว่า 1 แสนบาท ยืนยันจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้นำเสนอข่าวครอบครัวของ นางฉวีวรรณ ไขสระ ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่อายุ 79 ปี และลูกๆ จำนวน 5 คน รวม 7 ชีวิต ภายในบ้านเช่าเลขที่ 5/2 หมู่ 2 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง ที่เคยเป็นของตัวเองในอดีต กำลังประสบกับความยากลำบาก เนื่องจากหัวหน้าครอบครัว ซึ่งทำงานอยู่ในโรงผลิตกระแสไฟฟ้าเอกชนแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี จ.กระบี่ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ขาดรายได้ ไม่มีเงินส่งมาเลี้ยงดูแลครอบครัวมานานถึง 2 เดือนแล้ว ทั้งที่โดยปกติตลอด 7 ปี ที่สามีไปทำงานที่เกาะพีพี จะส่งเงินมาให้ทางบ้านเดือนละ 2 ครั้งๆ ละ 5,000 บาท รวมเดือนละ 10,000 บาท ส่วนเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทจากรัฐบาล ลงทะเบียนไปแล้วก็ไม่ได้ และถูกระบบแจ้งว่าเป็นเกษตรกร ทั้งที่ตนเองไม่เคยมีสวน แต่กลับระบุไปว่ารับจ้างซักผ้า

ประกอบกับรายได้ที่นางฉวีวรรณ หาได้จากการรับจ้างซักผ้า และรับจ้างขายของไม่เพียงพอต่อการดูแลแม่วัยชรา และลูกน้อยวัยกำลังโต ได้แก่ ลูกสาวฝาแฝด 2 คน อายุ 4 ขวบ ลูกชายอายุ 8 ขวบ ลูกสาวอายุ 15 ปี รวมทั้งลูกสาวคนโต อายุ 21 ปี ซึ่งพิการทางสติปัญญา ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้ภาระทั้งหมดตกอยู่กับนางฉวีวรรณเพียงคนเดียว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก แม้จะมีเงินช่วยเหลือบุตรแรกคลอดจากรัฐบาลของลูกสาวฝาแฝดเดือนละ 1,200 บาท และเงินช่วยเหลือคนพิการลูกสาวเดือนละ 800 บาท แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดู 7 ชีวิตนั้น

 

 

ล่าสุด นางฉวีวรรณ กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้า และยกมือไหว้ว่า ตนขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่มอบกำลังใจ และผู้ใจบุญที่โอนเงินมาช่วยเหลือช่วยเหลือครอบครัวของตนในครั้งนี้แล้วกว่า 100,000 บาท ซึ่งเพียงพอต่อการต่อสู้ให้พ้นวิกฤตโควิด-19 จึงขอยุติการรับเงินบริจาคเพียงแค่นี้ อยากให้ไปช่วยเหลือคนอื่นๆ อีกที่กำลังลำบาก ที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยรบกวนขอความช่วยเหลือจากใครมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้ตนเองต่อสู้คนเดียวไม่ไหว และเคยคิดท้อแท้อยากคิดสั้น แต่คิดถึงลูก และสัญญาว่าจะใช้จ่ายเงินก้อนนี้อย่างประหยัด เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัว และเชื่อว่าเพียงพอที่จะฝ่าวิกฤตของครอบครัวช่วงโควิด-19 ไปให้ได้

โดยตั้งใจจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปซื้อที่ดินเก็บไว้สัก 1 ห้อง เพื่อรอสร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้ลูก ไม่ต้องอยู่บ้านเช่าอย่างทุกวันนี้ ในขณะเดียวกัน ถึงแม้จะมีเงินบริจาคเข้ามา ตนก็ยังทำงานรับจ้างซักผ้า และรับจ้างขายข้าวเหมือนเดิม โดยมีรายได้จากการรับจ้างขายข้าววันละประมาณ 100-200 บาท ส่วนสามีที่อยู่เกาะพีพี ทราบข่าวว่าขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น คาดว่าปลายเดือนนี้สามีคงสามารถเริ่มทำงานได้ตามปกติ และจะส่งเงินมาให้ครอบครัวสำหรับดูแลลูกๆ เหมือนเดิม

 

ในขณะเดียวกัน หลังจากข่าวแพร่ออกไป ทาง อบต.บางเป้า รวมทั้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง และนางเอื้อจิตร เจริญทรัพย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง ได้เดินทางมาเยี่ยม พร้อมให้กำลังใจให้ต่อสู้กับวิกฤต ขออย่าย่อท้อ และอย่าคิดสั้น ให้มีกำลังใจต่อสู้เพื่อลูกๆ และยังมอบถุงยังชีพเพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นด้วย

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก  https://mgronline.com/south/detail/9630000047347

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *