เราอยู่ในยุคที่เสียชีวิตเพราะพิษในอาหารเสริมได้ เราก็ต้องเลือกอาหารเสริมให้เป็นมาดูวิธีกัน!!

อย่างแรกก็ต้องดู อย. ถึงจะรู้ๆกันว่า อาหารเสริมที่คนกินแล้วตาย ก็ล้วนแต่มี อย. ทั้งนั้นแต่ถ้าดูรายละเอียดลึกๆ ส่วนใหญ่อาหารเสริมที่ทำให้คนถึงแก่ชีวิตจะเป็น อย.สวม คือใช้เลขที่จดแจ้งของแบรนด์อื่นมาลงโดยไม่ถูกกฎหมาย เพราะฉะนั้นเราสามารถเช็คเลขที่ อย. 13 หลักได้จากเว็บไซด์ของราชการที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ ว่าเลข อย.ตรงกับชื่อสินค้าหรือไม่ได้ที่เว็บไซด์นี้

ถ้าเลข อย.ไม่ตรงกับชื่อสินค้า แน่นอนห้ามซื้อเด็ดขาด!! ด้านล่างคือความหมายของเลข อย.ในแต่ละหลักที่เราเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก วันนี้มาลองดูว่ามันมีความหมายอะไรบ้าง

และอันนี้คือเกณฑ์ที่สำคัญมากๆ เพราะหมายถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของเราได้ คือ อาหารเสริม ต้องมีงานวิจัยทางการแพทย์ในคนจริงก่อนการวางจำหน่าย หรือที่เรียกว่า Clinical Trial เพราะถ้ายังไม่มีการทดลองในคนจริงแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าปลอดภัยกับคน?

 

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า อาหารเสริมนั้นมีการวิจัยทางการแพทย์กับคนแล้ว (Clinical Trial) ง่ายๆ อย่างแรกขอดูผลวิจัยกับผู้ขายก่อน เพราะผลวิจัยเป็นสิ่งที่เปิดเผยและตรวจสอบได้ ถ้าคนขายอ้างว่าเป็นความลับก็ไม่ต้องซื้อปล่อยให้เป็นความลับต่อไป เพราะเจตนาปกปิดไม่บริสุทธิ์และมีแนวโน้มว่าอาหารเสริมนั้นอาจไม่มีผลวิจัยจริง และถ้าเราเห็นผลวิจัย จะรู้ได้อย่างไรว่าผลวิจัยนั้นน่าเชื่อถือ ไม่ยาก

ผลวิจัยที่น่าเชื่อถือและสิ่งที่ยืนยันได้ว่าผลลัพธ์ของงานวิจัยนั้นปลอดภัยเห็นผลจริงในคนคือ การที่ผลวิจัยนั้นต้องได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระดับสากล ยกตัวอย่างเช่น Phytotherapy Research เป็นวารสารทางการแพทย์ที่ตีพิมพ์เรื่องยาและสารสกัดจากธรรมชาติ งานวิจัยใดๆที่ได้รับการตีพิมพ์ลง Phytotherapy Research นี้จึงถือได้ว่าเป็นผลวิจัยที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ ปลอดภัยสำหรับผู้คน

การอวดอ้างสรรพคุณ โฆษณาชวนเชื่อ ควรเป็นแค่ปัจจัยให้ที่ทำเราเปิดใจลองศึกษาอาหารเสริมนั้นๆ แต่อย.ที่ถูกต้องและ การวิจัยทางการแพทย์ในคนจริง (Clinical Trial) ควรเป็นปัจจัยที่เราใช้ในการตัดสินใจซื้ออาหารเสริม เพราะนั่นหมายถึงประโยชน์และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจริงตามวัตถุประสงค์ที่เราซื้อ และที่สำคัญหมายถึงความปลอดภัยของชีวิตเราและคนที่เราซื้อให้เค้าด้วย

ต่อจากวันนี้จะซื้ออาหารเสริม ท่องไว้เลย 3 อย่างที่ต้องขอจากคนขาย

  1. อย.
  2. ผลวิจัยทางการแพทย์ในคนจริง
  3. วารสารทางการแพทย์ที่ผลวิจัยได้รับการตีพิมพ์

 

ขอบคุณ: http://สาระน่ารู้.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *