อเมริกาสวรรค์ของคนพิการ

คุณสมเกียรติ พงษ์กันทา วิศวกรอิสระ เรียบเรียงเรื่อง อเมริกา สวรรค์คนพิการ ส่งมาให้พิจารณาครับ นับเป็นข่าวที่น่ายินดี สำหรับผู้พิการชาวไทยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้ปรับปรุงห้องสุขาสาธารณะ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้พิการที่ใช้รถเข็น ถือเป็นก้าวสำคัญในการยอมรับสิทธิ ความเสมอภาคของประชาชนชาวไทย มาตรการนี้ตามหลังสหรัฐอเมริกา 25 ปี โดยเมื่อ 25 ปีมาแล้ว วันที่ 26 กรกฎาคม 2533 ประธานาธิบดีบุช ผู้เป็นพ่อ ได้ลงนามที่สนามหญ้าในทำเนียบขาว ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยผู้พิการของสหรัฐ เรียกสั้น ๆ ว่า เอดีเอ ถือเป็นแม่บทของพื้นฐานสิทธิมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (Americans with Disabilities Act, ADA)

กฎหมายนี้ให้เวลากำหนดเวลาใช้บังคับเป็นระยะ ๆ ให้หน่วยงานทั้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กร ห้างร้าน บริษัท ร้านอาหาร เอกชนทั่วประเทศ ที่เปิดให้สาธารณชนเข้าไปใช้บริการทุกแห่ง พัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอาคาร ทางเดิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งรถเข็น โดยกำหนดเวลา 2 ปี และกำหนดให้ติดตามผลทำความเข้าใจเป็นระยะ

ขอบเขตของกฎหมายนี้กว้างมาก บังคับใช้รวมไปถึงยานพาหนะสำหรับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ เช่น รถโดยสารประจำทาง รถราง รถไฟ รถไฟฟ้าทุกชนิด ต้องมีมาตรการทั้งด้านนโยบายและปฏิบัติช่วยให้ผู้พิการเข้า-ออก ขึ้น-ลงโดยสะดวก เช่น ปรับระดับบันไดขึ้นลง ปรับระดับพื้นรถไฟ รถไฟฟ้ากับระดับชานชาลา มีสะพานทางลาด ภายในรถต้องจัดให้มีที่ว่างให้รถเข็น และให้ยึดกับตัวรถเพื่อความปลอดภัย มีป้ายสัญญาณสำหรับผู้พิการแต่ละชนิด

การติดตามผลการบังคับใช้กฎหมายจนถึงปี 2556 ของรถประจำทางเพิ่มจากร้อยละ 51 เป็นร้อยละ 99 การขึ้นลง เข้าถึงระบบรางที่วิ่งบนถนน เพิ่มจากร้อยละ 44 เป็นร้อยละ 88 รถไฟชานเมือง จากร้อยละ 32 เป็นร้อยละ 87 รถไฟฟ้าในเมือง เป็นร้อยละ 100

สำหรับผู้พิการที่ไม่สามารถใช้ระบบประจำทางสาธารณะ จะมีบริการรถตู้ ออกแบบสำหรับคนพิการรับส่งถึงบ้านตามคำขอ เรียกว่า พาราทรานสิท เมื่อปี 2556 มีผู้ใช้บริการ 230 ล้านครั้ง วันนี้อาจกล่าวได้ว่า อเมริกาประสบความสำเร็จในการสร้างประเทศให้เป็นสวรรค์ของผู้พิการและด้อยโอกาส ด้วยการพัฒนา ปรับปรุงโครงสร้างทุกชนิดและยวดยานสาธารณะทั้งทางน้ำ อากาศและทางบก ให้ทุกคนใช้เดินทาง เข้าถึงทุกแห่ง ตามต้องการได้ทุกเวลา.ไฟเหลืองfailuang@dailynews.co.th

 

ขอบคุณ… http://www.dailynews.co.th/article/354018

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *