รัฐมนตรีคมนาคมลงพื้นที่ติดตามการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่สร้างอาคารที่พัก และลานจอดเครื่องบิน เป็นไปตามเป้า เสร็จในปี 2565 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 8 ล้านคนต่อปี
เมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ (4 ก.ย.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายทวี เกศิสำอาง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และคณะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 1 และที่ 2 อาคารจอดรถยนต์และโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบิน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน โดยมี พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนายอรรถพล เนื่องอุดม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ร่วมให้ข้อมูลความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการ โดยภาพรวมการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักหลังที่ 1, 2 และอาคารจอดรถยนต์ ใช้งบก่อสร้าง 2,923,400,000 บาท โดยบริษัทคริสเตียนีและนีสเส็นไทยจำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาตามสัญญาวันที่ 20 กันยายน 2561 ถึงเดือนธันวาคม 2565 เมื่อแล้วเสร็จจะมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารจาก 1,500 คนต่อชั่วโมง เป็น 3,000 คนต่อชั่วโมง หรือจาก 4 ล้านคนต่อปี เป็น 8 ล้านคนต่อปี
และอาคารที่จอดรถยนต์สามารถรองรับได้ 2,000 คัน โดยจัดให้มีที่จอดรถสำหรับคนพิการไว้ให้ด้วย การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 29.63% และโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ใช้งบก่อสร้าง 863,000,000 บาท โดยกิจการร่วมค้าทีพีพีซี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 เมื่อแล้วเสร็จสามารถรองรับอากาศยานโบอิ้ง 737 จากเดิม 10 ลำ เป็น 40 ลำในเวลาเดียวกัน งานก่อสร้างแล้วเสร็จ 91.68 เปอร์เซ็นต์
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานกระบี่ เปิดให้บริการเส้นทางการบินภายในประเทศ 4 สายการบินได้แก่ สายการบินไทยสมายล์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และสายการบินเวียดเจ็ท มีจำนวนเที่ยวบิน 20 เที่ยวบินไป-กลับในเส้นทางกรุงเทพฯ-กระบี่-กรุงเทพฯ และเชียงใหม่-กระบี่-เชียงใหม่ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การก่อสร้างที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนามบินเป็นไปตามเป้าหมาย แต่สิ่งที่อยากเน้นย้ำในตอนนี้ให้ท่าอากาศยานกระบี่ ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดแบบนิว นอร์มอล โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการตรวจคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข การคัดกรองผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแลผู้โดยสารในแต่ละจุดอย่างทั่วถึง
พร้อมทั้งกำชับให้ผู้โดยสารทุกคนสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งขาเข้าและขาออก การจัดจุดพักคอยที่มีการเว้นระยะห่าง จัดจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ มีการจัดจุดสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ เพื่อเก็บข้อมูลของผู้โดยสารตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และเน้นย้ำให้พนักงานทำความสะอาดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน ทั้งก่อนและหลังเสร็จสิ้นการให้บริการเที่ยวบิน เพื่อให้ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานอยู่ในความปลอดภัยจากการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19