สธ.เตือนระวัง “โรคฮีทสโตรก” จากอากาศร้อน อันตรายถึงเสียชีวิต หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน แนะดื่มน้ำบ่อยๆ
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.61 นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในปี 2561 กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่าตั้งแต่มีนาคม ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 40-42 องศาเซลเซียส ซึ่งในช่วงอากาศร้อนจัด ประชาชนเสี่ยงมีภาวะเจ็บป่วยจากสภาวะอากาศร้อน ทั้งโรคลมแดด ลมร้อน หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) มีอันตรายอย่างรุนแรง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการทำงานผิดปกติของระบบสมอง ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดเฉลี่ยปีละ 32 คน ล่าสุดในปี 2559 พบผู้เสียชีวิต 21 ราย สาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และไม่สามารถปรับตัวได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด อาจมีอาการเพิ่มเติมเช่น ภาวะขาดเหงื่อ เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อค หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้
นายแพทย์เจษฎากล่าวต่อว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สื่อสารความรู้คำแนะนำในการดูแลและป้องกันโรคที่มาจากอากาศร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยงได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา การฝึกทหาร ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ผู้ทำงานกลางแดด เช่น กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ และ6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด
ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลมแดด ลมร้อน มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1.นำผู้ป่วยเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก ถ้าผู้ป่วยหมดสติให้เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง จัดให้นอนท่าตะแคงเพื่อป้องกันลิ้นตกและป้องกันการสำลัก 2.เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็น หรือสเปรย์ร่างกายด้วยน้ำแล้วเป่าลม 3.ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ 4.หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเปียกคลุมตัวผู้ป่วย เพราะจะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย 5.รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669
สำหรับวิธีการป้องกันตัวไม่ให้เป็นโรคลมแดด ลมร้อน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวด้านหลอดเลือดหรือหัวใจ หากจำเป็นให้กางร่มหรือใส่หมวก ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องรอหิวน้ำ ไม่ทิ้งเด็กเล็กหรือผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไว้ในรถที่จอดกลางแดด เพราะอาจเสียชีวิตจากความร้อนได้ ในกลุ่มผู้ที่ต้องทำงานในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้มีการปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพอากาศร้อนก่อน หากรู้สึกหิวน้ำมาก ตัวร้อนแต่เหงื่อไม่ออก หายใจถี่ ปากคอแห้ง อาจวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที